วันนี้แอดมินก็จะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับเจ้า สลอธ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสุดสโลวไลฟ์ เพราะว่ามันเป็นสัตว์ที่ดูอืดอาด เฉื่อยชา และดูไร้อารมณ์ เรื่องน่ารู้ เกี่ยวกับซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้กลายมาเป็นที่ถกเถียงกันในวงสนทนาคลายเครียดว่า แท้จริงแล้วพวกมันโดนธรรมชาติกลั่นแกล้ง หรือเป็นของขวัญที่ธรรมชาติมอบให้ หากความฉลาดปราดเปรื่อง เป็นคุณสมบัติสำคัญที่จำเป็นในการดำรงเผ่าพันธุ์ของสัตว์ต่างๆ เหตุใดสลอธจึงเป็นสัตว์ที่สามารถรอดพ้นจากการสูญพันธุ์มาได้อย่างยาวนานหลายล้านปี แถมยังไม่มีทีท่าว่ามัน

จะสูญพันธุ์ไปจากธรรมชาติด้วย วันนี้แอดมินก็เลยจะนำเรื่องน่ารู้ของเจ้าสลอธ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่น่าจะเฉยชาที่สุดในโลก มาให้ทุกคนได้เห็นถึงความมหัศจรรย์ของชีวิต ที่มักโดนกล่าวหาว่าเป็นสัตว์ขี้เกียจกันค่ะ แต่ก่อนที่จะไป แอดมินก็ต้องขอฝากให้ไปติดตาม พระราชวังต้องห้าม  กันด้วยนะคะ แล้วในวันนี้ แอดมินก็ต้อง ขอขอบคุณ สล็อตPG  ที่สนับสนุนบทความของเราในวันนี้ด้วยค่ะ

สลอธ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสุดสโลวไลฟ์

ในปี 2009 พบอุโมงค์ลึกลับในประเทศบราซิล ที่คาดว่าถูกขุดโดยสัตว์ขนาดใหญ่ ที่มีชีวิตอยู่ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ มีลักษณะเป็นดินกว้าง 2 เมตรสูง 2 เมตร และยาวประมาณ 15 เมตร ซึ่งเมื่อมองไปรอบรอบผนัง ในโพรงดินจะพบว่าเต็มไปด้วยรอยเล็บ ที่แหลมคม ที่บ่งบอกว่าไม่ได้ถูกครอบครอง หรือสร้างขึ้นโดยมนุษย์ นักธรณีวิทยาทำการศึกษาเรื่องราวของสัตว์ดึกดำบรรพ์ เดินทางมาสำรวจยักษ์ดังกล่าว

พร้อมให้ข้อมูลว่ามันคือโพรงหินดึกดำบรรพ์ ที่เต็มไปด้วยตะกอนของดินเหนียว ที่คาดว่าขุดโดย สัตว์มีกระดูกสันหลังขนาดใหญ่ ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ เช่นบรรพบุรุษของสลอธ หรือตัวนิ่ม  เพื่อใช้เป็นสถานที่ให้นม และอยู่อาศัยในช่วงจำศีล สลอธขนาดยักษ์ คือสัตว์มีกระดูกสันหลังขนาดใหญ่ที่เคยอาศัยอยู่ในโลกในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ก่อนจะหยุดสูญพันธุ์ โดยจากผลการศึกษาของ

นักบรรพชีวินวิทยาพบว่า ขนาดลำตัวของสลอธ น่าจะมีขนาดเทียบเท่ากับช้าง หรือรถยนต์  โดยอาจจะสูงถึง 4 เมตร หรือเคลื่อนที่ด้วยการเดิน 4 ขาบนพื้นดิน และคาดว่าเมื่อ 15 ล้านปีถึง 10,000 ปีก่อน แผ่นดินอเมริกาเต็มไปด้วยสลอธเกือบ 100 สายพันธุ์ รวมถึงสลอธยักษ์ หรือตัวนิ่ม ที่อาจจะเป็นผู้ขุดอุโมงค์โบราณดังกล่าวด้วย แต่ยังมีการโต้เถียงกันว่าเป็นสมมุติฐานที่ดูไม่ค่อยสมเหตุสมผล เพราะนักวิทยาศาสตร์

บางคนเชื่อว่าสลอธ ไม่ได้มีภาระกำลังและความแข็งแรงมากพอ ในการขุดอุโมงค์โบราณดังกล่าวได้ จากการศึกษาพบว่า สลอธที่สูญพันธุ์ไปแล้ว เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ที่กินพืชเป็นอาหาร มีระบบย่อยอาหารขนาดใหญ่มากพอ ที่จะกัดเก็บเมล็ดอาโวคาโดขนาดใหญ่เอาไว้ ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าว เมล็ดอาโวคาโดมีขนาดใหญ่มาก ก่อนจะวิวัฒนาการ จนมีขนาดเท่ากับปัจจุบัน โดยสันนิษฐานว่าพวกสลอธกินอาโวคาโด

เข้าไปแล้วแพร่กระจายเมล็ดไปทั่วพื้นดิน ในทุกทุกที่ที่มันเดินทางไป แล้วเกิดการกระจายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง จนกลายมาเป็นอาโวคาโด ที่เรารู้จักและชื่นชอบกันในปัจจุบันค่ะ สลอธเป็นสัตว์ที่แข็งแกร่งมาตั้งแต่แรกเกิด พวกมันสามารถรับน้ำหนักตัวได้ ด้วยแขนเพียงข้างเดียว ไม่เพียงเท่านั้นสลอธยังมีมวลกล้ามเนื้อน้อยกว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ที่มีขนาดตัวใกล้เคียงกัน ถึง 30% และแข็งแรงกว่ามนุษย์

ถึง 3 เท่า พวกมันมีระบบกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ ซึ่งแข็งแกร่งมากพอ ในการต้านทานเสือจากัวร์ที่พยายามจู่โจมพวกมัน ให้หล่นจากต้นไม้ อีกทั้งเส้นเอ็นที่แข็งแรงเป็นพิเศษ ในการในบริเวณมือ และเท้า ทำให้พวกมันเกาะกิ่งไม้ได้อย่างเหนียวแน่น เป็นเวลานาน โดยไม่สิ้นเปลืองพลังงานอีกด้วย ความสามารถพิเศษในการเกาะเกี่ยวกิ่งไม้อย่างชำนาญ ทำให้มันสามารถนอนหลับ ขณะห้อยอยู่บนต้นไม้ หรือแม้กระทั่ง

สลอธ

หากตายไปแล้ว พวกมันก็จะห้อยหัวอยู่ได้ โดยไม่ตกตกลงมาจากต้นไม้เลยค่ะ สลอธมีภาวะตาบอดสี เนื่องจากไม่มีเซลล์รูปกรวยในจอตา ที่เป็นเซลล์ตัวรับแสงชนิดหนึ่ง ที่ทำหน้าที่เห็นสี เหมือนกับสัตว์ชนิดอื่น ทำให้พวกมันมองเห็นได้บ้าง แต่ไม่ดีนักในยามค่ำคืน และตาบอดสนิทในเวลากลางวันที่แสงเจิดจ้า แต่ถ้าว่าพวกมันมีประสาทสัมผัสทางอันน่าอัศจรรย์ และมีความจำที่ยอดเยี่ยม ทำให้พวกมันรู้ว่าต้องไปที่ไหน

ระหว่างอาศัยอยู่บนต้นไม้ ในป่าใหญ่ ซึ่งความสามารถเหล่านี้ สามารถชดเชยความผิดปกติทางสายตาจากภาวะตาบอดสี และการมองเห็นที่ไม่ดีนี่เอง เป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้พวกมันเคลื่อนที่ช้า เฉยชา จนถูกนามว่าเจ้าตัวขี้เกียจ ในช่วงก่อนประวัติศาสตร์ สลอธอาศัยอยู่บนพื้นดิน จนกระทั่งช่วงต้นของวิวัฒนาการในการแยกสายพันธุ์ ออกมาจากตัวกินมดเมื่อ 64 ล้านปีก่อน นำมาซึ่งปัญหาการสูญเสียการมองเห็น

ทำให้พวกมันค่อยๆปรับตัวเพื่อรับมือกับปัญหาดังกล่าว โดยการขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ และเคลื่อนที่อย่างเชื่องช้า เพราะเป็นทางเลือกเดียวในการรักษาเผ่าพันธุ์ ให้สามารถดำรงต่อไปได้ โดยไม่สูญพันธุ์นั่นเองค่ะ โดยทั่วไปสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สามารถควบคุมอุณหภูมิภายในร่างกายของตัวเองได้ จากการเผาผลาญเพื่อให้เกิดพลังงานและความร้อน แต่ว่าสลอธ เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ต่างออกไป เนื่องจากไม่สามารถ

ควบคุมอุณหภูมิของร่างกายได้ ต้องพึ่งพาอุณหภูมิในสภาพแวดล้อมเพียงอย่างเดียว เพื่ออยู่รอด ทำให้ในหนึ่งวัน อุณหภูมิร่างกายของพวกมันสามารถผันผวนได้มากถึง 10 องศาเซลเซียส ถ้าหากอุณหภูมิของสภาพแวดล้อมลดต่ำลง อุณหภูมิในร่างกายของพวกมัน รวมถึงเลือดก็จะลดต่ำลงไปด้วย ซึ่งหากอุณหภูมิลดต่ำลงจนเกินไป ก็จะเป็นสาเหตุที่ทำให้จุลินทรีย์ช่วยย่อย ที่อาศัยอยู่ในท้องของสารสลอธตาย ซึ่งก็จะทำให้มันไม่สามารถย่อยใบไม้ ที่พวกมันกินเข้าไปได้อีกตลอดชีวิต และป่วยตายในที่สุดค่ะ